บ้านนี้ปลอดงูอยู่แล้วรวย! 5 วิธีป้องกันงูไม่ให้เข้าบ้าน

บ้านนี้ปลอดงูอยู่แล้วรวย! 5 วิธีป้องกันงูไม่ให้เข้าบ้าน

By propso    18 ก.พ. 2565  ข่าวสาร


บ้านนี้ปลอดงูอยู่แล้วรวย! 5 วิธีป้องกันงูไม่ให้เข้าบ้าน

 

 

    ปัญหาสุดคลาสสิกที่พบเจอได้ทุกที่ ไม่ว่าบ้านเราจะอยู่ในเมืองหรือนอกเมืองก็มีโอกาสเจองูเข้าบ้านได้ แม้แต่คอนโดที่เราอาศัยอยู่ก็อาจพบงูขึ้นมาบริเวณชักโครกได้ วันนี้น้อง Propso จะมาแชร์วิธีป้องกันและไล่งูไม่ให้เข้าบ้านอย่างไรให้ได้ผล จนสามารถติดป้ายหน้าบ้านได้เลยว่า บ้านนี้ปลอดงูอยู่แล้วรวย!”

 

 

ช่องทางไหนบ้างที่งูสามารถเข้ามาในบ้านของเราได้ ?

 

    วิธีไล่งูและป้องกันงูเข้าบ้านต้องเริ่มที่ช่องทางเข้าบ้าน เพราะงูเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่สามารถเดินทางไปได้เกือบทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นในน้ำ หรือที่ที่มีความลาดเอียงถึง 90 องศา (ตั้งฉาก) แต่สำหรับตัวบ้านนั้น ช่องทางที่งูจะสามารถเข้ามาในบ้านได้นั้นมีอยู่รอบตัว ไม่ว่าจะรูเล็ก รูใหญ่ หรือบางช่องทางที่เราคิดไม่ถึง แต่ช่องทางหลัก ๆ ที่เราสามารถป้องกันได้ด้วยตัวเอง คือ

 

1. ประตู

 

    เราควรปิดประตูให้เรียบร้อย เพราะเป็นหนึ่งช่องทางขนาดใหญ่ที่งูจะเข้ามาในบ้านได้อย่างง่ายดาย การติดประตูมุ้งลวดจะเป็นอีกหนึ่งปราการที่ช่วยป้องกันงูไม่ให้เข้าบ้านได้ในระดับหนึ่ง

 

2. หน้าต่าง

 

    อีกหนึ่งช่องทางขนาดใหญ่ที่งูสามารถคลานเล็ดลอดเข้ามาได้อย่างง่ายดาย เราจึงควรปิดหน้าต่างทุกครั้งหากเราไม่อยู่บ้าน เช่นเดียวกันกับประตู เราสามารถติดมุ้งลวดหรือตาข่ายกันแมลงจะสามารถช่วยป้องกันได้

 

3. ช่องลมรอบตัวบ้าน

 

    ช่องลมเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เรามักจะมองข้าม แต่งูสามารถเลื้อยเข้ามาในบ้านได้ อการติดมุ้งลวดในจุดที่ไม่ค่อยมีคนอยู่ก็ช่วยได้เช่นกัน

 

4. รอยร้าวรอบบ้าน

 

    รอยร้าว รู หรือโพรง เป็นจุดที่งูชอบเข้ามาภายในบ้าน เราจึงควรสังเกตและซ่อมแซมบ้านให้ดูอยู่เสมอ

    

5. ชักโครกหรือบ่อพักสิ่งปฏิกูล

 

    เป็นอีกหนึ่งที่ที่ควรระวัง ที่หลายบ้านมองข้าม เราจะเห็นได้จากในข่าวว่ามีงูโผล่มาจากชักโครก เราจึงควรหมั่นดูแลความเรียบร้อย ว่าฝาบ่อพักสิ่งปฏิกูลชำรุดหรือไม่ หากชำรุดอาจทำให้งูเล็ดลอดเข้าไป แล้วหาทางออกไม่ได้ จึงเลื้อยออกมาโผล่บริเวณชักโครก

 

 

งูโผล่ขึ้นมาจากชักโครกได้ยังไง ?

 

    นอกจากบ่อพักสิ่งปฏิกูลที่ชำรุดจนงูสามารถเข้ามาได้แล้ว งูยังสามารถเข้ามาได้จากจุดเชื่อมอย่างท่อระบายน้ำ หรือช่องระบายอากาศของห้องน้ำ โดยเฉพาะห้องน้ำชั้นล่าง

 

วิธีป้องกันงูในชักโครก

 
  • ติดตั้งตะแกรงจามท่อน้ำทิ้ง โดยเช็กระบบท่อระบายและระบบบ่อพักสิ่งปฏิกูล

  • นำโซดาไฟราดในชักโครก

  • ติดตั้งกล่องกันงู เป็นอีกหนึ่งวิธีป้องกันงูในชักโครกที่ทำได้ตั้งแต่ต้น คือ การติดตั้งท่อกันงู ฝากันกลับ หรือกล่องกันงู ติดตั้งกับชักโครก เพื่อป้องกันไม้ให้งูเข้ามาในชักโครกได้อีกต่อไป

 

 

งูเข้าบ้านแล้วต้องทำอย่างไร

 

    เมื่องูเข้าบ้าน สิ่งแรกที่ควรมี คือ “สติ” ว่าจะทำอย่างไรต่อ ไม่ควรตกใจ เพราะอาจทำให้เหตุการณ์บานปลายได้ แต่สิ่งที่ควรทำ คือ

 

1. สังเกตประเภทของงู

 

    การสังเกตว่างูมีพิษหรือไม่มีพิษนั้น จริง ๆ แล้วแยกแยะได้ยาก หากไม่มีความรู้หรือคลุกคลีกับงูมาก่อน แต่อาจสังเกตได้จากลักษณะเด่นของงูที่มีพิษ เช่น งูเห่า หรืองูจงอาง จะแผ่แม่เบี้ย งูสามเหลี่ยม ลำตัวจะเป็นรูปสามเหลี่ยม ส่วนงูหางไหม้และงูกะปะจะมีลักษณะแก้มป่อง ตัวสั้น มีเกล็ดละเอียด แต่หากไม่รู้จริง ๆ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าเป็นงูมีพิษ

 

2. คอยดูด้วยระยะที่ปลอดภัย

 

    งูเหล่านี้ก็กลัวคนเช่านกัน ถ้าหากเราไม่เข้าใกล้เกินไป งูเหล่านี้จะไม่เข้ามาทำร้าย คอยสังเกตว่างูกำลังจะไปในทิศทางไหน เพื่อจะได้ชี้นำการจับได้ง่ายขึ้น หากงูเคลื่อนเข้าหา ต้องค่อย ๆ เคลื่อนไหวช้า ๆ ถอยหลังไปในทิศทางอื่นด้วยความระวัง ไม่ควรวิ่ง ไล่ หรือปาข้าวของ งูจะได้ไม่ตกใจและไม่พุ่งเข้ามาทำร้ายค่ะ

 

3. ขอความช่วยเหลือ

 

    ถ้าไม่มีประสบการณ์และอยู่คนเดียว หรือไม่มีอุปกรณ์ที่เหมาะสมในการจับ ควรโทรเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่

 
  • โทร 199 สำหรับแจ้งอัคคีภัยและสัตว์เข้าบ้าน

  • โทร 1677 รายการวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน

  • โทร 1669 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ หากโดนงูกัด

 

 

วิธีป้องกันงูไม่ให้เข้าบ้าน

 

    คงไม่มีใครอยากให้งูเข้าบ้านใช่มั้ยล่ะคะ ยิ่งถ้าที่บ้านมีเด็กเล็ก หรือคนแก่ ผู้ป่วยติดเตียงอยู่อาศัยด้วยแล้ว ยิ่งเป็นอันตรายมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นงูมีพิษหรือไม่มีพิษ เรามาดูกันว่าวิธีป้องกันงู สามารถทำได้อย่างไรบ้าง

 
  1. จัดเก็บข้าวของเครื่องใช้ให้เป็นระเบียบ หรือไม่เก็บของเกินความจำเป็น เพื่อลดพื้นที่เสี่ยงที่งูจะเข้ามาอยู่อาศัย

  2. ดูแลต้นไม้และสวนหย่อมให้เรียบร้อย ไม่ปล่อยให้ต้นหญ้าขึ้นรก หมั่นตัดหญ้าอยู่เสมอ เพราะจะเป็นสถานที่พรางตัวของงู

  3. ทำความสะอาดรอบบ้านอยู่เสมอ เพื่อตรวจสอบเพื่อความเรียบร้อยของตัวบ้าน ว่ามีอะไรผิดสังเกต ชำรุดเสียหายหรือไม่ อีกทั้งยังเป็นการตรวจตรา ไม่ให้เป็นที่ที่เหมาะกับการอยู่อาศัยของงู

  4. งูมักจะกลัวสารเคมีที่มีกลิ่นฉุน เช่น น้ำมันก๊าด ใช้ราดรอบ ๆ บริเวณที่ไม่ต้องการให้มีงูเข้ามาอยู่ แต่ระมัดระวังเวลาราดอาจพบงูที่อยู่อาศัยแต่เดิมออกมาจากที่หลบซ่อนได้

  5. ใช้ผงกำมะถันผสมน้ำ ราดบริเวณรอบบ้าน ทำอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้กำมะถันเจือจาง


ความเชื่อผิด ๆ ที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับวิธีป้องกันงู

 

1. งูกลัวเชือกกล้วย

 

    ไม่จริงค่ะ งูไม่กลัวเชือกกล้วย แต่เดิมมีคนมากมายเข้าใจว่างูกลัวเชือกกล้วย จึงนิยมนำมารัดงู เพราะเชื่อว่างูจะอ่อนแรงลง แต่จริง ๆ แล้วเชือกกล้วยมีความเหนียวและทนทานมาก ยิ่งงูดิ้นจะยิ่งเจ็บ ทำให้งูอ่อนแรงลงไปเอง ไม่เกี่ยวกับความกลัวแต่อย่างใด

 

2. งูกลัวต้นไม้ 5 ชนิด

 

    ไม่จริงค่ะ งูไม่ได้กลัวต้นไม้ 5 ชนิดเหล่านี้ ได้แก่ ต้นจิงจูฉ่าย กุยช่ายประดับ (กุยช่ายม่วง) ต้นดาวเรือง ต้นฟ้าทะลายโจร ต้นระย่อม หรือแม้กระทั่งต้นไม้ที่มีหนาม และต้นไม้ที่มีกลิ่น งูก็ไม่กลัวเช่นกัน

 

ทำไมงูถึงเข้าบ้าน ?

 

1. สภาพแวดล้อมรอบบ้าน

 

    การที่งูจะเข้าบ้านได้ สภาพแวดล้อมรอบบ้านเป็นสาเหตุหลักเลยค่ะ เพราะบรรยากาศรอบบ้านที่เป็นป่ารกทึบ ป่ากก หรือหนองน้ำ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของเหล่าบรรดางูหลากหลายสายพันธุ์ และเมื่อถึงเวลาออกหากิน บ้านของเราอาจเป็นเส้นทางผ่าน หรืออาจเป็นที่สนใจแวะหาอาหารและหลบซ่อนได้

 

2. สภาพภายในบ้าน

 

    หากภายในบ้านเรามีของวางเกะกะ ไม่เป็นระเบียบ มีซอกมุมบ้านที่ปล่อยให้รก มีต้นไม้หนาตา เป็นป่ารก หรือปล่อยให้เศษใบไม้ ขยะ สิ่งของ วางกองรวมกันเอาไว้ หรือไม่มีคนอยู่อาศัย ถือเป็นสภาพแวดล้อมที่ทำให้สัตว์เหล่านี้อาศัยหรือหลบซ่อนชั่วคราว

 

3. มีแหล่งอาหาร

 

    หากเรามีแหล่งอาหารของงูก็อาจเป็นสิ่งล่อตาล่อใจเจ้าสัตว์เลื้อยคลาน ทั้งที่เราเลี้ยงเองหรือไม่ได้ตั้งใจเลี้ยงก็ตาม เช่น หนู กบ เขียด อึ่งอ่าง ตุ๊กแก จิ้งจก ไก่ หรือกระต่าย สัตว์เหล่านี้ถือเป็นอาหารรสเลิศของงูเลยล่ะค่ะ

 

4. ไม่มีศัตรู

 

    หากที่บ้านเราไม่ได้เลี้ยงสัตว์ที่เป็นศัตรูของงู เช่น สุนัขและแมวมาคอยไล่ หรือห่านที่มาจิกงู ก็จะทำให้งูเข้ามาในบริเวณบ้านเราได้อย่างสบายใจ แต่หากเป็นงูใหญ่อย่าง งูหลามหรืองูเหลือม สัตว์เหล่านี้อาจเป็นอาหารของเจ้างูเหล่านี้ได้


งูอะไรที่มักเจอได้ในบริเวณบ้าน ?



>>งูไม่มีพิษ

 

1. งูแสงอาทิตย์

 

    งูแสงอาทิตย์ (Sunbeam snake) พบได้ทั่วไปตามพื้นที่ที่มีความชุ่มชื้น มักอาศัยอยู่ใต้ขอนไม้หรือใต้โขดหินที่มีดินเป็นดินร่วน และมีความชื้นเล็กน้อย เป็นงูที่อาศัยบนพื้นดิน และไม่ปืนต้นไม้ ลำตัวเป็นรูปทรงกระบอกยาว แต่หัวค่อนข้างแบนเรียว ตาเล็ก มีเกล็ดที่ปกคลุมลำตัวเมื่อสะท้อนแสงแดดจะเงาแวววาวตลอดทั้งตัว งูชนิดนี้มักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นงูมีพิษ แต่ความจริงแล้วงูแสงอาทิตย์เป็นงูที่ค่อนข้างเชื่องและไม่เป็นอันตราย

 

2. งูหลาม

 

    งูหลาม (Indian Python) เป็นงูขนาดใหญ่ ไม่มีพิษ มีลักษณะคล้ายกับงูเหลือม ซึ่งเป็นงูในตระกูลเดียวกัน โดยความยาวโดยเฉลี่ยประมาณ 1-3 เมตร มีลำตัวที่อ้วนป้อมกว่า อีกทั้งหางก็สั้นกว่าและมีขีดบนหัวเป็นสีขาว ที่ลำตัวของงูจะมีสีสันและลวดลายที่แตกต่างจากงูเหลือม รวมทั้งอุปนิสัยที่ไม่ดุต่างจากงูเหลือม จึงนิยมถูกนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้ที่นิยมเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลาน

 

3. งูเหลือม

 

    งูเหลือม (Reticulated Python) เป็นงูที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับขนาดน้ำหนัก มีปกใหญ่ ฟันแหลมคม ขากรรไกร และความยาวของลำตัว มีความแข็งแรงมาก มีนิสัยดุร้ายแต่ไม่มีพิษ งูเหลือมมีตัวสีน้ำตาลเหลืองเมื่อมีอายุมากขึ้น พื้นตัวจะมีสีเข้มเป็นสีน้ำตาลแดง มีลายแบ่งเป็นวงมีหลายสี สีบนหัวมักจะมีสีอ่อน บริเวณกลางหัวด้านบนมีเส้นสีดำจากท้ายทอยมาเกือบถึงปลายปาก ตามตัวมีลายดำเป็นลักษณะตาข่าย ภายในวงตาข่ายดำสีเหลืองอ่อนมีสีขาว

 

>>งูมีพิษ

 

1. งูเห่า

 

    งูเห่า (Siamese) เป็นงูที่ออกหากินตามพื้นดินตอนกลางคืน ชอบอาศัยอยู่ตามจอมปลวก ทุ่งนา หรือบริเวณที่มีความชื้นสูง มีสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม สีเหลืองนวลหรือสีดำ ส่วนหัวแผ่แม่เบี้ยได้ โดยการตั้งส่วนหัวและคอขึ้น มีลายรูปวงแหวนสีขาว-ดำอยู่ตรงกลางด้านหลังของส่วนคอ เรียกว่า ลายดอกจัน

 

2. งูจงอาง

 

    งูจงอาง (King Cobra) เป็นงูที่มักอาศัยอยู่ตามป่าทึบและใกล้แหล่งน้ำ มีความยาวเฉลี่ยอยู่ที่ 400 เซนติเมตร งูจงอางมีสีสันและลวดลายหลายแบบขึ้นอยู่กับถิ่นที่อยู่อาศัย เช่น งูจงอางของภาคกลางและอีสานมีลายขวางเป็นบั้งตลอดลำตัว ส่วนหัวแผ่แม่เบี้ยได้เหมือนกับงูเห่า แต่แม่เบี้ยของงูจงอางจะแคบกว่าแม่เบี้ยของงูเห่า จุดเด่นของงูจงอาง คือ มีเกล็ดท้ายทอยขนาดใหญ่ 1 คู่ อยู่บนศีรษะค่อนไปทางด้านหลังของเกล็ดกระหม่อม

 

3. งูสามเหลี่ยม

 

    งูสามเหลี่ยม (Banded Krait) เป็นงูที่ออกหากินตอนกลางคืน เชื่องช้าตอนกลางวัน ชอบอาศัยอยู่บริเวณที่ลุ่ม ทุ่งนา และป่าชายเลนเป็นหลัก ลำตัวมีสีดำสลับเหลืองเป็นปล่อง ๆ สีของส่วนท้องจะจางกว่าส่วนบน ปลายหางมน และมีกระดูกสันหลังยกตัวสูงนูน เห็นเป็นลักษณะสามเหลี่ยมชัดเจน

 

4. งูทับสมิงคลา

 

    งูทับสมิงคลา (Malayan Krait) เป็นงูที่อาหารกินตอนกลางคืน มีความว่องไวและมีพิษรุนแรงกว่างูสามเหลี่ยม มักอาศัยตามพื้นดิน ใกล้แหล่งน้ำ และมีความชื้นสูง ลักษณะค่อนข้างกลม ไม่มีสันที่หลังชัดเจน ลำตัวมีสีขาวสลับดำเป็นกล้อง ๆ โดยในส่วนของเกล็ดสีขาวอาจจะมีสีดำปนอยู่บ้าง บริเวณท้องเป็นสีขาว หัวเป็นสีดำปนเทา หางเรียวยาวเล็กแหลม 

 

5. งูแมวเซา

 

    งูแมวเซา (Russell’s Viper) เป็นงูที่ชอบออกหากินตอนกลางคืน มักอาศัยอยู่ตามโพรงดิน ซอนหิน พงหญ้า ทุ่งนา และที่แห้ง ไม่ค่อยชอบขึ้นต้นไม้ เมื่อจะโจมตีจะขดตัวเป็นวงแล้วทำเสียงขู่ก่อนฉก ทั้งนี้แม้ลำตัวจะดูเทอะทะ แต่จู่โจมค่อนข้างเร็ว เกล็ดเป็นสีน้ำตาลอ่อน มีลายเส้นเป็นรูปกลมสีน้ำตาลเข้ม ขอบสีดำขลิบขาวทั่วลำตัว หัวเป็นทรงสามเหลี่ยม มีลายสีน้ำตาลเข้มคล้ายหัวลูกศร

 

6. งูกะปะ

 

    งูกะปะ (Malayan Pitviper) เป็นงูที่ออกหากินตอนกลางคืน ชอบขดตัวนิ่งตามซอกหิน ใต้กองใบไม้ และพื้นที่ลุ่มในป่าชื้น ลำตัวเป็นสีน้ำตาลแดงหรือสีน้ำตาลเทา มีลายสามเหลี่ยมสีน้ำตาลเข้มขอบขาวเรียงเป็นแถวอยู่สองฝั่งลำตัว ซึ่งบริเวณปลายแหลมของสามเหลี่ยมจะชนกันอยู่ที่เส้นสีน้ำตาลตามแนวกระดูกสันหลังพอดี

 

7. งูเขียวหางไหม้ท้องเหลือง

 

    งูเขียวหางไหม้ (White-lipped Pitviper) เป็นงูที่ออกหากินตอนกลางคืนตามพื้นดิน มักอาศัยอยู่ตามน้ำไม้หรือใกล้แหล่งน้ำ พบบ่อยในสวนหรือใกล้บ้านคน ลำตัวค่อนข้างอ้วนใหญ่ หัวเป็นรูปสามเหลี่ยมแหลม ทั้ง 2 ส่วนปกคลุมด้วยเกล็ดสีเขียวขนาดเล็ก ผิวเรียบ และช่วงลำตัวจะใหญ่กว่าคออย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากและคางมักมีสีเหลือง ขาว หรือสีเขียวอ่อนกว่าสีของลำตัวเล็กน้อย ปลายหางสีน้ำตาลแดง ตัวผู้มักมีเส้นขาวพาดเกล็ดลำตัวแถวนอกสุด ตั้งแต่คอถึงหาง

 

    เป็นยังไงบ้างคะพี่ ๆ เรื่องงูเข้าบ้านเป็นเรื่องที่อันตรายมากเลยใช่มั้ยคะ
ยิ่งถ้าบ้านเรามีเด็กเล็ก คนแก่ ผู้ป่วยติดเตียงอาศัยอยู่ด้วยแล้วล่ะก็ยิ่งอันตรายมาก ๆ เลยค่ะ
เพราะฉะนั้นเราควรป้องกัน และหมั่นดูแลรักษาบริเวณรอบบ้านให้ดูสะอาดอยู่เสมอนะคะ
 

    วันนี้น้อง Propso ต้องขอตัวลาไปก่อน
บทความหน้าจะเป็นเรื่องราวดี ๆ อะไรมาแชร์ให้กับพี่ ๆ อีก
อย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ บ๊ายบาย

 

    ดู 10 บ้านเช่าใกล้มหาวิทยาลัย

 

    จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

    มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

    มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

    มหาวิทยาลัยศรีปทุม

    มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

    มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC)

    มหาวิทยาลัยสยาม


 
  • วิธีป้องกันงู

ข่าวน่าสนใจ

ข่าวล่าสุด

แนะนำ